วิเคราะห์ Performance 7-Eleven Jan-Jun 2020

เนื่องจาก CPAll เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ เพราะฉะนั้นข้อมูลหลายอย่างจึงเป็นข้อมูล Public ที่ควรค่าแก่การนำมาวิเคราะห์ ต่อยอด เพื่อนำไปใช้ในการประกอบการตัดสินใจในการวางแผนในการทำธุรกิจร่วมกันกับ 7-Eleven
เอาเข้าจริงๆ ข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ยังสามารถบ่งบอกถึงสภาพตลาด/สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศได้ เนื่องจาก 7-Eleven ถือเป็นชิ้นส่วนสำคัญในวงการ Retail ไทย

Recap ผลประกอบการ Q1 Y2020

ย้อนความจำก่อนดูผลประกอบการของ 7-Eleven ว่า เรามีการปิดเมืองตั้งแต่ 22 มีนาคม เพราะฉะนั้น Q1 เพิ่งโดน effect ของโควิดไปแค่ 9 วัน

สรุปย่อของ Quarter ที่แล้ว

• Q1 Y2020 รายได้ 88,052 ล้านบาท
• Q1 Y2019 รายได้ 85,515 ล้านบาท
• Growth +2.96%
• Quarter ที่แล้ว ทำผมแปลกใจนิดหน่อย เพราะ Trend CVS มาดีหลายปี เดาว่าน่าจะโตสวน และกลับโตได้ไม่มาก
• ขนาด Store เปิดเพิ่มขึ้น 995 สาขา ยังโตได้แค่ 2.96%
  (Q2 Y2020 = 11,983 สาขา, End 2018 = 10,988)
• เนื่องจากไม่มีตัวเลข Same Store Growth ผมจึงเดาว่า Performance อันนี้น่าจะติดลบ เลยพาให้ยอดโตรวมขึ้นไม่มาก
• นี่ขนาด Promotion แรงๆ จากทุก Supplier วนกันมาลดแรง, 1แถม1 กันทุกวีค ยังไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่
• เนื่องจาก Supplier ที่ขายอยู่ใน 7-Eleven มีไม่เยอะ ดังนั้นคงไม่มีอะไรเตือนมากครับ ยกเว้น ให้ยั้งๆ การทำโปรแรงๆ
• อันนี้นอกเรื่องติด คือ CPAll (ในนามบริษัท CP Retail Holding) ตกลงซื้อ Tesco Lotus ในราคา 95,981 ล้านบาท ในวันที่ 9 มีนาคม 2020

Performance Q2 Y2020

Quarter นี้ ชัดเจนครับ Trend CVS ที่ว่าดีๆ ก็หนีไม่พ้นโควิด ได้รับผลกระทบเต็มๆ
แต่ที่น่ากลัว คือ กำไร (-25%) ตกมากกว่ายอดขาย (-15.2%) อีก แปลว่า ไม่สามารถลดต้นทุนต่างได้ทันยอดขายที่ลดลง ซึ่งถ้าให้ผมเดา ก็พวก operation cost ต่างๆ

พอดู Performance ครึ่งปี จากที่ Q1 Y2020 มีGrowth อยู่นิดนึง (+2.96%) ก็เลยถูก Q2 Y2020 ลากลงมา กลายเป็น Growth ติดลบ (-6.5%) ไปเรียบร้อยโรงเรียนเซเว่น

Store Expansion

มาสำรวจกันต่อเรื่องการขยายสาขา ว่ามีการชะลอหรือไม่ เมื่อโควิดมาเยือน

แม้เจอโควิด แต่ดูเหมือนแผนการขยายสาขาปีละ 720+ สาขายังคงแผนเดิมไว้ เพราะผ่านไปครึ่งปี เปิดไปครึ่งนึงของ 720 เป๊ะ

และแม้ว่าจะเพิ่มจำนวนสาขาขึ้น ก็ไม่สามารถช่วยดึงยอดขายรวมให้โตขึ้นได้

Same Store Growth

ตัวเลขที่สำคัญที่สุด ที่ Supplier/Vendor จะใช้ Benchmark ว่าเราทำได้ดีกว่า 7-Eleven หรือ ทำได้แย่กว่า 7-Eleven คือ Same Store Growth

ตัวเลข Q1 แค่โดนผลกระทบจากโควิดไป 9 วัน (จากทั้งหมด 90วัน) แต่ยอดยังติดลบถึง -4% อันนี้ถือว่าโหดมากครับ (จริงๆ ถ้าให้เดา อาจจะไม่ค่อยดีมาตั้งแต่ต้นปีแล้ว)

ยิ่งดู Q2 ที่ได้รับผมกระทบแต่เต็มๆ จากการปิดเมือง %Growth ถือว่าน่าตกใจมาก เพราะติดลบลึกพอสมควร (-20.2%) ซึ่งถ้าดูจากยอดขาย Jan-Jun Y2020 แล้วก็ค่อนข้างไปในทางเดียวกัน (Q2 Y2020 vs. Q2 Y2019 คือ -15.2%)

สาเหตุที่ Same Store Growth ตก

แน่นอนว่าโควิดกระทบกับ Same Store Growth ที่ตกลง แต่ปัจจัยหลักคืออะไรกันแน่ ระหว่าง Traffic น้อยลง, Ticket Size ลดลง กันแน่ คงต้องตรวจสอบดูกันต่อ

ค่อนข้างชัดเจนครับว่า สาเหตุที่ทำให้ตัวเลขทุกอย่างแย่หมด คือ จำนวนคนที่เข้า 7-Eleven น้อยลง
น้อยลงแบบค่อนข้างมีนัยสำคัญ คือ ลดลงไปมากกว่า 30% จากช่วงเวลาปกติ แต่สิ่งที่ประคองไม่ให้ยอดลดลงไปถึง 30% คือ Ticket Size ที่เพิ่มมากขึ้น

สรุปง่ายๆ คือ Traffic ลดลง แต่ยอดซื้อต่อคนเพิ่มขึ้น
แต่ยอดซื้อที่เพิ่มขึ้น ไม่มากพอที่จะประคองยอดขายรวมไว้ได้

สรุป

หากดูจากภายนอกเราอาจคิดว่า 7-Eleven น่าจะได้รับผลกระทบจากโควิดไม่มาก แต่หลังจากได้อ่านรายงานผลประกอบการออกมา ภาพทุกอย่างก็ชัดเจน

ผมเชื่อว่า Supplier ที่ขายสินค้าผ่าน 7-Eleven หลายรายได้รับผลกระทบจากยอดขายที่ลดลง / Same Store Growth ที่ลดลง กันไปเป็นที่เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นยอดขายที่ลดลง หรือการถูกลดจำนวนสาขาทีขายเนืองจากยอดขายไม่เป็นไปตาม Target ที่ Set ไว้กับทางจัดซื้อ/Merchanider

สิ่งที่ต้องเตรียมตัวหลังจากนี้ คือ การคาดการณ์ว่า สถานการณ์ 7-Eleven จะเป็นอย่างไร และเราจะ Take Action อย่างไร

การเตรียมตัวในกรณีที่ ยอดขาย 7-Eleven ไม่สามารถกลับมาเป็นบวกได้ เราจะรับมืออย่างไร?

1. กรณียอดรวม 7-Eleven ทั้งปีติดลบ 2 Digit
2. กรณียอดรวม 7-Eleven ทั้งปีติดลบ 1 Digit
3. กรณียอดรวม 7-Eleven ทั้งปีไม่โตไม่ตก %Growth = 0%

แต่ละกรณี สิ่งที่ต้องเตรียมตัว ทรัพยากรที่ต้องใช้นั้นต่างกัน และมีผลกระทบต่อยอดขายรวมทั้งบริษัทต่างกัน
ดังนั้น กันไว้ดีกว่าแก้ เพราะหากแก้ไขอะไรวินาทีสุดท้ายไม่มีทางทันแน่นอน

ที่มาข้อมูล https://www.cpall.co.th/financial_statements/?year_categories=year-2020