คำถาม : 1) ถ้าบริษัท​จะรีแบรนด์​โลโก้ ต้องแจ้งจัดซื้อ​ไหมคะ


คำตอบ : แนะนำว่าควรต้องแจ้งอย่างยิ่งครับ
แต่ข้อควรระวัง คือ จัดซื้ออาจจะเรียกเก็บค่าใช้จ่ายครับ
ดังนั้น ก่อนไปแจ้งจัดซื้อ ควรเตรียมแผนการรับมือล่วงหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้จัดซื้อชาร์จค่าใช้จ่ายครับ

หลักการต่อรอง

ขั้นตอนหลังจากเราแจ้งการปรับเปลี่ยนเป็นทางการ Buyer ก็จะทำตามหน้าที่ล่ะครับ
ขอนั่นนี่ Support จากเรา ตามเรื่องตามราว (ถ้าโชคร้ายหน่อยก็จะโดนขอเงิน)
ส่วนเราก็ต้องเตรียมแผน A/B/C ตั้งรับไว้เลยครับ

ขั้นตอนการเจรจาต่อรองสำคัญมากๆ คือ การพยายามมองหา “จุดร่วม” ที่ทั้งเราและห้างได้ประโยชน์ร่วมกันจากการ Rebranding / New Logo ครั้งนี้ครับ จะได้คุยกันจบแบบ Win-Win ไม่เป็น Money Talk ที่มีแต่เราที่เสีย

ถ้าคิดว่าเสียตังค์แน่ๆ เตรียมไว้ล่วงหน้าเลยครับ ว่ามีอะไรสามารถ Trade กลับมาได้บ้าง เช่น ขอพื้นที่พิเศษ หัวชั้น / กองโชว์ / stack / สายแขวน เป็นต้น

อันนี้แอบบอก

จริงๆ ถ้าการเปลี่ยนแปลงของเราไม่กระทบกับฝั่ง Operation หน้าร้าน/DCห้าง ก็ไม่ค่อยซีเรียสมากครับ จะลักไก่ไม่แจ้งก็ได้
ความหมายของคำว่า “ไม่กระทบฝั่ง Operation” เช่น

  • ไม่มีการเปลี่ยน Barcode
  • ไม่มีการเปลี่ยนขนาดสินค้า (กว้าง x ยาว x สูง)
  • ไม่มีการเปลี่ยนขนาดลัง/หีบ
  • ไม่มีการเปลี่ยนขนาดบรรจุ เช่น เดิม 1 ลัง มี 12 ชิ้น, เปลี่ยนใหม่ ก็ยัง 1 ลัง 12 ชิ้นเหมือนเดิม

คำถาม : 2) สินค้าเก่าจะทำยังไง​คะ


คำตอบ : อันนี้ขึ้นอยู่กับความซีเรียสของแต่ละบริษัทครับ

  • ถ้าไม่ซีเรียสก็ปล่อยไปตามสภาพครับ ปล่อยให้ขายไปเรื่อยๆ
  • แต่ถ้าซีเรียส ต้องวางแผนบริหารจัดการ stock โฉมเก่าอย่างใกล้ชิดครับ ดูแล Stock เป็นรายสาขา มีแผน 1 แผน 2 รองรับในกรณีสินค้าออกไม่เร็วตามที่วางแผนไว้
หลักการบริหารสินค้าโฉมเก่า

ถ้าเป็นบริษัทใหญ่ๆ ที่มีหนังโฆษณาออกเพื่อโปรโมท logo ใหม่ แล้วทุกอย่างต้องเป๊ะ คือ วันที่ปล่อยหน้งฯ สินค้าโฉมใหม่ต้องพรึ่บ!!

  • จะเริ่มด้วยการให้ฝั่ง Sales ช่วยคำนวณว่า
    • Cover day เฉลี่ย ของสินค้าโฉมเก่า มีกี่วัน
    • ยอดขายเฉลี่ย ของสินค้าโฉมเก่า ออกวันละกี่ขิ้น
    • เพื่อให้สามารถคำนวณหาวันที่จะปล่อยสินค้ารุ่นใหม่ ให้ sync กับวันที่ปล่อยหนังฯ
  • ขณะเดียวกันก็สั่งให้เด็ก PC/Mer
    • คอยเช็คจำนวนโฉมเก่าทุกสาขา
    • สาขาไหนที่หมดตาม Timeline ปล่อยหนังฯ ก็ปล่อยตามธรรมชาติ
    • สาขาที่คาดไม่หมดตามธรรมชาติ ก็ต้องเข้าไป take action แต่เนิ่นๆ จะเก็บกลับ ทำโปรเฉพาะสาขา ก็ว่ากันไป
    • แต่โดยสถานการณ์ปกติ ไม่ควรจะสาขาที่ Stock บวมเหลือเยอะ (ถ้าไม่ได้อัดสต๊อกอะไรไว้แบบผิดปกติ)
สรุป

Marketing Plan / Brand Plan ทุกเรื่อง มีวัตถุประสงค์ที่ดี คือ สร้างความแข็งแกร่งให้กับสินค้าของเรา ผลบางอย่างอาจจะจับต้องไม่ได้ หรือ อาจจะไม่เห็นผลในระยะสั้น

หน้าที่ของ Sales คือ สร้างพลังบวก หรือ ขยาย Impact ของ Activity นั้นๆ และสร้างยอดขายระยะสั้นๆ ให้ได้

อย่างคิดเพียงว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการเพิ่มงาน หรือสร้างความยุ่งยากให้กับชีวิต แล้วพาลทำงานแบ่งส่งๆ ให้เสร็จๆ ไป
นี่ไม่เพียงแค่เสียของ เสียแรง ยังเสียโอกาสที่จะทำให้ช่วยสร้างความเติบโตแบบยั่งยืนให้กับ Brand ของเรา